วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2551

กะโหลกเสือเม่ลูกอ่อน


กะโหลกเสือแม่ลูกอ่อน หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฏีทอง ปทุมธานี

ในโอกาสมงคลบำเพ็ญบุญทานบารมี ทอดผ้าป่าประจำปี 2551 ของวัดหาปัจจัยสร้างรั้วโรงเรียนและโรงอาหารให้นักเรียนตาดำๆ
กะโหลกเสือแม่ลูกอ่อน
เป็นงานพุทธศิลปชั้นยอด ที่ปั้นหน้าเสือแม่ลูกอ่อนได้สวยที่สุด ดุจมีชีวิตจริง ตามตำราเสือแม่ลูกอ่อนนี้สำคัญนัก เป็นเสือที่มีพลังแฝงเร้นอยู่ในกายโบราณจะเรียกเสือผีสิง เพราะจะซ่อนตัวอยู่ในดงมืด ไม่มีสัตว์ใดกล้าต่อกลอน แม้แต่เสือตัวผู้ยังต้องหนีห่าง เสือแม่ลูกอ่อนนี่แหละเสือนอนกินตัวจริง เพราะจ่าฝูงจะคอยล่าอาหารมาให้ ด้วยคุณวิเศษที่มีมาเฉพาะตัวของเสือแม่ลูกอ่อน ถ้านำมาทำวัตถุมงคล เซ่นดี พลีถูก บรรจุพลัง แล้วยิ่งอัศจรรย์ยิ่ง เป็นวัตถุมงคลที่ทรงคุณค่า มีบารมีโดดเด่น เป็นที่เคารพยำเกรง มีมหาระงับเป็นเลิศ ดับทุกข์ภัย เหตุการณ์เลวร้ายได้ชะงักนัก และเหนือสิ่งอื่นใด นอนกิน อย่างที่บอกว่า เสือจ่าฝูงยังต้องหาอาหารมาให้ แสดงถึงหากินง่ายดาย เงินทองไหลเข้ามาได้ง่าย ไม่รู้จักหยุดจักหย่อน เหตุหลายประการล้วนดีทั้งนั้น และด้วยบุญฤทธิ์ที่หลวงพ่อได้หนังเสือแม่ลูกอ่อนมาทั้งผืน ท่านจึงยอมเผยเคล็ดสร้างของดีตำราเสือสมิงแม่ลูกอ่อน หนังเสือผืนนี้หลวงพ่อใช้รองนั่งเสกในวันแข็ง คือวันอังคารและวันเสาร์ที่วัดจากนั้นท่านนำมาเขียนยันต์และตากแดดตะวักกล้ากลางวันในฤกษ์ราชาฤกษ์-ภูทิปาโลฤกษ์-เดชาฤกษ์ จากนั้นท่านจึงนำมาทำวัตถุมงคล

รายการวัตถุมงคล
กะโหลกเสือแม่ลูกอ่อนเนื้อว่านผสมผงโรยขนเสือ สร้าง 935 บูชา 350
กะโหลกเสือแม่ลูกอ่อนเนื้อผงเถ้ากระดูกเสือผสมว่านโรยขนเสือ สร้าง 485 บูชา 450

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2551

การสั่งเช่าบูชา

1. คุณลูกค้าสามารถ สั่งเช่าบูชาได้โดย ตรง โดย mail มาที่ swanpra@hotmail.com โดยชี้แจง ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ และสินค้าที่ต้องการ
2. หากลูกค้าต้องการรายการสินค้าทั้งหมดพร้อมราคา mail มาที่ swanpra@hotmail.com
3. สินค้าที่สั่งจะมีการบวกค่าจัดส่งสินค้า 50 บาท ทุกครั้ง
4. ทางทีมงาน Swanpra จะจัดส่งสินค้าภายหลังการโอนเงินทุกครั้ง หากสินค้ามีไม่เพียงพอ จะทำการติดต่อลูกค้าเพื่อเปลี่ยนสินค้าชนิดอื่นหรือคืนเงินต่อไป
5. เมื่อสั่งซื้อสินค้า โปรอรอ mail ตอบกลับจากเราเพื่อแจ้งบัญชี การโอนเงิน

นางกวักโภคทรัพย์อุดสีผึ้งสามนาม


หลวงปู่บุญท่านขึ้นชื่อในเรื่องเมตตาค้าขายแบบหาตัวจับยาก ไม่น่าแปลกเลยว่าทำไมหลวงปุ่ถึงเก่งทางด้านนี้ เพราะท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม สีผึ้งขลัง และยิ่งเป็นศิษย์หลวงพ่อเส็ง วัดประจันตคาม เจ้าตำหรับเหรียญนางกวักที่โด่งดัง หลวงปู่บุญได้สร้างนางกวักมหาโภคทรัพย์ขึ้น เป็นนางกวักแบบโบราณ เข็มขลังไม่เหมือนใคร จะทำการปลุกเสกตามตำราทำแม่นางกวักให้มีฤทธิ์เดช ที่สามารถกวักเงิน กวักทองเรียกลูกค้าได้จริงๆ นางกวักหลวงปู่ทำตามตำราโภคทรัพย์อันหมายถึงการเรียกโภคทรัพย์ สมบัติทรัพย์สิน เงินทอง เนืองนองไหลเข้ามามารู้จักหมด ที่สำคัญที่ก้นอุดสีผึ้ง 3 นาม คือ นามครู นามครอบ นามคลุม สีผึ้งขั้นสุดยอดหาไม่ได้ง่ายคือ

นามที่1 นามครู หลวงปู่เอาสีผึ้งครูที่ท่านได้มา 3 องค์คือ หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ มาพร้อมกันเรียกว่า สีผึ้งนามครู เป็นสีผึ้งที่หาที่ไหนไม่ได้แล้ว
นามที่ 2 นามครอบหลวงปู่ นำสีผึ้งที่ได้จากยอดเกจิอาจารย์ทั่วทั้ง 76 จังหวัด 76 องค์มาร่วมกันทำพิธีหุงใหม่ที่วัดอันเป็นมงคลนาม คือ วัดทุ่งเศรษฐี ใช้กะโหลกคนตายวันเสาร์เผาวันอังคารเป็นก้อนเส้า วางกระทะ ใช้ไม้มงคลทั้งเก้า มะยม ขนุน กาหลง มะรุม รัก เป็นไม้พาย สีผึ้งนี้เรียกว่า นามครอบ อันหมายถึง ครอบคลุมพุทธคุณทั่วทั้งประเทศ
นามที่ 3 นามคลุม หลวงปู่ทำสีผึ้งเอง โดยใช้สีผึ้งแท้ ทำพิธีวันเพ็ญหุงกลางแจ้ง ทั้งกลางวัน กลางคืน เชิญแตเทวดานางฟ้า เทพพรหมทุกชั้นฟ้ามาทำพิธีหุงให้เป็นสีผึ้งทิพย์ คลุมทั้งฟ้า เวลาหุงเกิดพระอาทิตย์ทรงกลดด้วยอย่างน่าประหลาด

สีผึ้งสามนามนี้นำมาอุดฐานแม่นางกวัก คิดดูว่าจะขลังขนาดไหน ขนาดหลวงปู่แค่เสกนางกวักแจกยังมีผลมากค้าขายดีทั้งตลาด หรือแค่สีผึ้งหลวงปู่ก็มีคุณค่าดังทั่วเมืองชล เมื่อนำมารวมจึงไม่ต้องสงสัยในพุทธคุณ
มีทั้งเมตตา มหานิยม ทำมาค้าขายดี เรียกลูกค้าเยี่ยม ทำธุรกิจดี เจริญก้าวหน้า เจรจาพาทีมีเสน่ห์อย่างที่สุด
จำนวนสร้าง
เนื้อตะกั่ว สร้าง 400 องค์
เนื้อทองฝาบาตร สร้าง 500 องค์
เนื้อทองแดงเถื่อน สร้าง 500 องค์

สั่งเช่าบูชา

วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2551

ยอดพระปิดตาแห่งชลบุรี


พระปิดตาตำรับหลวงปู่แก้ว โดยหลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง

หลวงปู่แก้ววัดเครือวัลย์ผู้สร้างตำนานยอดพระปิดตาของเมืองไทย ราคาองค์ละเป็นล้านๆ ทั้งผง และวิชาทำพระปิดตานี้ถือว่าเป็นยอด แม้ผู้สืบทอดวิชา อย่าหลวงปู่ครีพ วัดสมถะ หลวงปู่เฮี้ยงวัดป่า ยังนิยมเล่นหากันสูงมาก หลวงปุ่บุญท่านไปเรียนวิชาสร้างพระปิดตาตำหรับหลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ กับหลวงพ่อบ๋วย สมัยอยุ่กับหลวงพ่อบ๋วย ท่านมอบพระปิดตาหลวงปู่แก้ว ให้เป็นขันๆ หลวงปู่บุญไม่เอา เพราะท่านเรียนแล้วรุ้แล้ว ก็เสกเองได้ ท่านหยิบมา 1 องค์ เอาไว้ดูพุทธคุณเป็นครูว่า ทำพระปิดตา ต้องเสกให้ได้อย่างนี้ ต่อมาหลวงปู่บุญท่านไปอยู่กับ เจ้าคุณราชฯ วัดอินทรฯ (เจ้าคุณจรัญ) ซึ่งได้ผงหลวงปู่แก้วมา ท่านเจ้าคุณจรัญ เหมือนรู้ว่าหลวงปู่บุญจะเป็นเกจิใหญ่ สายตะวันออก ได้มอบผงหลวงปู่แก้วให้ แต่หลวงปู่ยังไม่เคยสร้างพระปิดตาตามตำราหลวงปู่แก้วเลย ครั้งนี้หลวงปู้ได้จัดสร้างพระปิดตาถอดพิมพ์อมตะของหลวงปู่แก้ว พิมพ์ แข้งหมอน หลังแบบใส่ผงหลวงปุ่แก้วเป็นเชื้อ และผงอิทธิเจ ผงกะลาไม่มีตา แค่ผงหลวงปู่แก้วก็แรงเหลือหลาย ใช้ได้มหาศาล ทั้งโชคลาภ มหานิยม ตำราว่าปิตตานี้วิเศษนัก หนุ่มคนเดียวเที่ยวได้ทั้งหมู่บ้าน

จัดสร้าง
เนื้อผงหลวงปู่แก้วคลุกรัก 1000 องค์
เนื้อผงหลวงปู่แก้วคลุกรักแก่กะลาไม่มีตา 1000 องค์
เนื้อผงหลวงปู่แก้วคลุกรักปิดทองแท้ 500 องค์
เนื้อผงหลวงปู่แก้วคลุกรักแก่กะลาปิดทองแท้ 500 องค์

ราคาปัจจุบัน และสั่งบูชา

พระปิดตาดอกจำปี



หลวงปู่จรัญ วัดน้ำเคือง อายุ 89 ปี 69 พรรษา


ตำบลท้ายทุ่ง อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร


ยอดเกจิอาจารย์เมืองพิจิตร "หลวงปู่จรัญ" วัดน้ำเคือง ต.ท้ายทุ่ง อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ศิษย์มือขวารูปเดียวที่ "หลวงพ่อเดิม" วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ เมตตาครอบครูให้ที่วัดทุ่งเรไร"พระครูพิมลศีลากร หรือ หลวงปู่จรัญ" ปัจจุบันสิริอายุ 89 ปี 69 พรรษา เป็นเจ้าตำรับน้ำมนต์สายหลวงพ่อเดิม มีเสียงเล่าลือจากศิษยานุศิษย์จากหลายเหตุการณ์ และหลายประสบการณ์
หลวงปู่จรัญท่านเสกสิงหราชร้องคำราม เสกพระปิดตาดอกจำปีจนมีกลิ่นดอกไม้สวรรค์ลอยทวนลม หนึ่งเดียวที่หลวงพ่อเดิมพาไปดูรังนกกระจาบ และทายได้ว่าไข่กี่ฟองตัวผู้ตัวเมียกี่ตัว หนึ่งเดียวที่ หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลาน ตามให้เสกพระหลวงพ่อเงินปี"15 บอกหลวงพ่อเงินสั่ง
หลวงพ่อเดิมท่านมีวิชาอย่างหนึ่งเป็นเมตตาสูงมาก และมหานิยมสูงที่สุดด้วย หลวงพ่อเดิมท่านบอกไว้ว่า "ดอกจำปี ดอกเล็ก ขาวอมเหลือง ในดอกไม่มีอะไรเลยมีกลีบกับเกสรนิดเดียว มีกลิ่นหอมส่งไปเรียกหมู่ภมร หมู่แมลงที่บินไกลเป็นกิโลๆ เขามาดอมดมชมกลิ่นได้ หรือแม้แต่คนที่อยู่ไกลแค่ไหน เมื่อได้กลิ่นจำปีเหมือนต้องมนต์สะกดนิยมชอบยินดีในกลิ่นหอมของดอกจำปี จะพูดชมไม่ขาดปาก นานเข้ากลิ่นจะยิ่งหอมนาน หอมไกลไปอีก"โบราณจึงนำสรรพคุณของดอกจำปีที่ใครก็วิ่งหา ได้กลิ่นดังต้องมนต์สะกด มาสร้างดอกจำปีพุทธคุณขึ้น อุปมาดังพระธรรมของพระพุทธเจ้าหอมหวนทวนลมฉันใด กลิ่นดอกจำปีก็ฟุ้งกระจายฉันนั้น หลวงพ่อเดิมเคยทำจำปีงาแกะ เพื่อให้แม่ค้าแม่ขายคนที่ต้องการความเมตตามหาเสน่ห์ คนแห่เข้ามาซื้อของเหมือนหมู่ภมรหมู่แมลงอยู่ไกลแค่ไหนก็ต้องบินมา "จำปีหลวงพ่อเดิม" จึงขลังแรงที่สุดทางเมตตามหานิยมและมีลาภมาก"หลวงปู่จรัญ" จึงสร้าง "จำปีรุ่นแรก" ไม่ให้ทับรอยครูบาอาจารย์ โดยทำเป็น "พระปิดตากลีบจำปีมหาลาภ" ซึ่งเป็นองค์พระมหากัจจายนะที่มีลาภผลเป็นเลิศ มีปัญญาในการเทศนามาก ประ ทับในดอกจำปีสวยงามลงตัว จำปี 5 แฉกย่อคุณยันต์ครูพระเจ้า 5 พระองค์ ด้านหลังเป็นยันต์นะพระเจ้าเปิดโลกแผ่รัศมี เป็นมนต์เรียกโภชนาหารเงินทองทรัพย์สินไหลเข้ามาไม่ขาดหลวงปู่จรัญปลุกเสกพระปิดตามหาลาภดอกจำปี ตามตำรับการสร้างดอกจำปีหลวงพ่อเดิมอันโด่งดัง เสริมมหาลาภมหาลาโภลงไป องค์พระสวยงามคมชัดมาก พ่อค้าแม่ค้าทำธุรกิจติดต่อการค้าอยากให้มีลูกค้ามาก คนซื้อของเยอะกิจการดี มั่งมีทรัพย์โชคลาภไหลมา ก็อย่าลืมใช้พระปิดตากลีบจำปีติดร้านติดบริษัทไว้ "กลิ่นจำปีหอมติดจมูก หอมทวนลมใด้ ฉันใด ลูกค้าจะนิยมชมชอบนึกถึงเราในทางที่ดีงามฉันนั้น"พระปิดตากลีบจำปี เนื้อขมิ้นปูน ซึ่งปูนไม่ถูกกับขมิ้นจับมาผสมกันได้ สีแดงสร้างจำนวน 888 องค์ บาท เนื้อว่านสีไม้สร้างจำนวน 999 องค์


วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2551

หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง


หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง (พระครูโสภณพัฒนาภิรม)

หลวงปู่บุญเป็นยอดเกจิแห่งยุคอีกองค์หนึ่งที่มีวัตรปฏิบัติ นุ่มนวลเรียบร้อย งดงามมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาอย่างหาประมาณมิได้ ด้วยบารมีอันกว้างไกลนี่เองเป็นพื้นฐานรองรับคามศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลของหลวงปู่ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัตถุมงคลของหลวงปู่จะเด่นดัง คงความขลังไปทั่วประเทศ




หลวงปู่บุญบวชตั้งแต่อายุ 20 กับหลวงพ่อโด่ วัดนามมะตูม เป็นพระอุปชฌาย์ (หลวงพ่อห่อ พระหมอต่อกระดูกเป็นพระคู่สวด จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมหลวงปู่ถึงขลังนัก แค่เรียนกับอุปชฌาย์ก็เหลือเฟือแล้ว)



นอกจากนี้ท่านยังธุดงค์ไปเรียนวิชากับ ครูอาจารย์ เช่น หลวงปู่เส็ง วัดประจันตคาม หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน หลวงพ่อจ้อย วัดบ้ายโนน หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ได้วิชาเสือสมิงมหาอำนาจ ขุนนครเขต หลวงปู่เคยไปอยู่วัดระฆัง ไปเรียนวิชากับหลวงปู่หิน ไปเรียนวิชากับหลวงปู่หิน ติดขัดอะไรให้ไปถามหลวงปู่นาค ได้ทั้งพระสมเด็จ ผงสมเด็จวัดระฆัง และสูตรการลบผงตามตำราสมเด็จโต เมื่อท่านมาอยู่กับหลวงปู่บ๋วย วัดเครือวัลย์ ท่านได้มอบตำราหลวงปู่แก้วให้ และผงหลวงปู่แก้ว ท่านก็ได้รับจากเจ้าคุณจรัล วัดอินทรฯ มาเกือบครึ่งบาตร อาจารย์อีกองค์ที่ขลังที่สุด คือหลวงพ่อเปี่ยม วัดทุ่งเหยี่ยง ศิษย์สายหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา อดีตเจ้าอาวาส วัดทุ่งเยี่ยง หลวงปู่อยู่เรียนจนท่าน มรณภาพ

หลวงปู่บุญ แห่งวัดทุ่งเหียง ศิษย์เอกของหลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม นอกจากสร้างพระเครื่องที่เข้มขลังแล้ว เครื่องรางที่ทำให้หลวงปู่มีชื่อเสียงมากคือ "การทำสีผึ้ง" วัตถุธาตุที่ท่านนำมาทำสีผึ้งล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุธาตุที่สำคัญ 9 ชนิด บางอย่างต้องใช้เวลาหลายปี เมื่อทำแล้วก็คุ้มค่ากับการรอคอยเป็นที่นิยมแสวงหาของผู้ที่ต้องการสีผึ้งมาหาเสน่ห์ สีผึ้งทางโชคลาภ เมตตามหานิยม

วัตถุมงคล ปี 2551

1. พระปิดตาผงหลวงปู่แก้ววัดเครือวัลย์

2. บรมครูพระพิราพ มหาเทพ เทพาธิบดี

3.นางกวักมาหาโภคทรัพย์

4.ตะกรุดสหบดีพรหมเก้ายอด

วันศุกร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ประวัติหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน






ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อทรง ฉันทโสภี วัดศาลาดิน (วัดมอญ) ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
อัตโนประวัติ “พระครูสุภัทรธรรมโสภณ” หรือ “หลวงพ่อทรง ฉันทโสภี” มีนามเดิมว่า ทรง วารีรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2466 ตรงกับวันพุธ แรม 14 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน ณ บ้านม่วงเตี้ย ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายกอง และนางจัน วารีรักษ์ ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย
๏ การศึกษาเบื้องต้นและการอุปสมบท ช่วงวัยเยาว์ ได้ศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนวัดยางมณี (ชวนประชาสรรค์) ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ต่อมาได้เข้ารับราชการเพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยยังคงช่วยเหลือครอบครัวหาเลี้ยงชีพ ประกอบกิจการค้าขาย เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2486 ณ พัทธสีมาวัดยางมณี ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง โดยมีพระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) วัดยางมณี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการสุวรรณ วัดไร่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการชั้ว วัดตูม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
๏ การศึกษาพระปริยัติธรรมและสรรพวิชาอาคม หลังอุปสมบท ท่านได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อชวนระยะหนึ่ง จากนั้น ได้ย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดไร่และวัดศาลาดิน เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมและพระธรรมวินัย สามารถสวดพระปาติโมกข์ได้อย่างคล่องแคล่ว ขณะเดียวกัน ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาอาคมจากหลวงพ่อชวน วัดยางมณี, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์, หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ศึกษาโหราศาสตร์กับหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย พระเกจิดังแห่งยุค ได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชาให้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ท่านได้เรียนวิทยาคมจากตำราโบราณที่รับสืบทอดจากบรรพบุรุษ จนเชี่ยวชาญสามารถเขียนอ่านอักษรขอมได้ หลวงพ่อทรง เคร่งครัดปฏิบัติและชอบการปลีกวิเวก หมั่นฝึกฝนปฏิบัติวิชาอาคมต่างๆ ตามที่ได้ร่ำเรียนและได้รับการถ่ายทอดมา จนมีความชำนาญในวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีพลังสมาธิญาณอย่างน่าอัศจรรย์ หลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิโต มีเรื่องเล่าขานกันว่า เมื่อปี พ.ศ.2513 ท่านได้จัดงานปิดทองฝังลูกนิมิตอุโบสถ จัดสร้างเหรียญเสมาเป็นรูปท่านครึ่งองค์ เพื่อมอบให้สาธุชนเป็นที่ระลึก โดยนิมนต์หลวงพ่อแพ เขมังกโร วัดพิกุลทอง ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี, หลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิโต วัดดอนไร่ ต.หนองสะเดา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี และพระเกจิผู้ทรงวิทยาคมรูปอื่นๆ มาร่วมนั่งปลุกเสก หลังจากพระเกจิผู้ทรงวิทยาคม คลายพลังสมาธิญาณและผ่อนคลายอิริยาบถ หลวงพ่อทรงยังคงนั่งนิ่ง ส่งพลังสมาธิญาณ กระทั่งเหรียญเสมาที่อยู่ในบาตร บินลอยวนไปมา ส่งเสียงกระทบฝาบาตรอย่างน่าอัศจรรย์ จนหลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิโต วัดดอนไร่ เปรยว่า “พอแล้วท่านทรง จะปลุกเสกไปถึงไหน เดี๋ยวเหรียญก็ได้แตกป่นกันหมดพอดี” หลวงพ่อทรง จึงผ่อนคลายสมาธิญาณ คณะศิษยานุศิษย์ ตั้งสมญานามเหรียญรุ่นนี้ว่า “รุ่นเหรียญบิน” ตราบจนปัจจุบัน หลวงพ่อทรง ได้รับการยอมรับและศรัทธาของศิษย์ทุกระดับชั้น เชื่อถือกันว่าท่านมีคาถาอาคมทรงพุทธคุณครอบจักรวาล โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม ความเจริญรุ่งเรือง และด้านมหาอำนาจปกป้องผองภัยสารพัด สิ่งมหัศจรรย์ที่บังเกิดทั้งปวง ศิษยานุศิษย์ต่างประจักษ์ สามารถให้คำตอบได้เป็นอย่างดี
๏ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2513 ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศาลาดิน (วัดมอญ) ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พ.ศ.2525 ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ และเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2547 ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ ๏ ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ “พระครูสุภัทรธรรมโสภณ”
๏ ผลงานด้านการพัฒนา หลวงพ่อทรง ได้ก่อสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฏิ เมรุ ห้องน้ำ ห้องสุขา บูรณปฏิสังขรณ์สภาพของวัดที่เก่าแก่แต่เดิม ให้เกิดความมั่นคงถาวร ทั้งหมดล้วนเกิดจากบารมีของหลวงพ่อทรงอย่างแท้จริง หลวงพ่อทรง เป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโสของจังหวัดอ่างทอง มักได้รับกิจนิมนต์จากวัดวาอารามทั่วประเทศ ให้ไปร่วมในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ ซึ่งท่านมิเคยขัดข้อง หากไม่ติดธุระด้านศาสนาหรือกิจธุระส่วนตัวเสียก่อน
๏ เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย วัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้น ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก เนื่องจากมีพุทธคุณครอบจักรวาล โดดเด่นในหลากหลายด้าน ที่เสาะหากันอยู่ขณะนี้ ได้แก่ เหรียญใบเสมา รุ่นเหรียญบิน ปี 2513, เหรียญบาตรน้ำมนต์, พระกริ่งบาเก็ง, สมเด็จยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ เป็นต้น วัตถุมงคลหลวงพ่อทรง มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี บังเกิดแก่บรรดาสาธุชน จนได้รับสมญานามจากคณะศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย” ท่านย้ำอยู่เสมอว่า “วัตถุมงคลทั้งหลายล้วนเข้มแข็งด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ” รวมทั้ง ท่านจะกล่าวสอนอยู่เสมอว่า “การทำจิตใจให้สงบ รู้จักปล่อยวางในสิ่งต่างๆ อย่าไปยึดติดกับสิ่งต่างๆ มากเกินไป หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิระลึกถึงปฏิบัติในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำสั่งสอนของท่านเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด หาคำสอนใดมาเปรียบเทียบมิได้เลยทีเดียว และการที่เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นอะไรที่ประเสริฐที่สุดแล้วในชาตินี้” หลวงพ่อทรง พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดศาลาดิน (วัดมอญ) ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า เป็นที่เลื่องลือไปทั่วภาคกลาง แต่การเข้ากราบไหว้ขอพรจากท่าน มิใช่เรื่องยากเย็น ทุกคนมีโอกาสเสมอเหมือนกันหมด ไม่มีผู้ใดกีดกัน ท่านมักจะนำวิชาความรู้ด้านวิทยาคมเป็นกุศโลบายในการอบรมสั่งสอนศีลธรรมแก่ประชาชนทั่วไป ให้ยึดหลักธรรมคำสั่งสอนตามแนวทางพระพุทธศาสนา เป็นวิถีสำคัญในการประพฤติปฏิบัติตน ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ถ้ามีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่ไหน จะต้องเห็นหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน นั่งปรกปลุกเสกกับพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัย ความเป็นเอกอุด้านไสยเวทวิทยาคมไม่แตกต่างกัน หลวงพ่อทรง ฉันทโสภี ๏ การมรณภาพ อย่างไรก็ดี ด้วยสังขาร คือ อนิจจัง เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ครั้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 เวลาประมาณ 21.00 น. หลวงพ่อมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ หายใจขัด เนื่องจากมีกิจนิมนต์มาก เมื่อลูกศิษย์เห็นว่าอาการไม่ดี จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง แพทย์ได้ทำการรักษา แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ในที่สุด เมื่อเวลา 22.50 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 ท่านได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ณ โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการท่อปัสสาวะอักเสบ มาก่อนหน้านี้ สิริอายุรวม 83 พรรษา 62 ท่ามกลางความเศร้าสลดและความอาลัยเป็นอย่างยิ่งของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป หลวงพ่อทรง ท่านเป็นพระสงฆ์สุปฏิปันโนอย่างแท้จริง แต่ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ ท่านได้ละสังขารตามกฎไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ถือว่าวงการสงฆ์ต้องสูญเสียพระเถระรูปสำคัญ ผู้บำเพ็ญคุณูปการต่อชาวเมืองอ่างทอง ด้วยความอุตสาหวิริยะมาอย่างยาวนาน เหลือทิ้งไว้แต่ผลงานอันทรงคุณค่าที่อุทิศให้แด่พระพุทธศาสนา เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำไว้เบื้องหลัง ทั้งนี้ ทางคณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ได้จัดงานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม และตั้งศพให้ญาติโยมและพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้กราบไหว้ เป็นเวลา 7 วัน ณ วัดศาลาดิน (วัดมอญ) จนกว่าจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป
คัดลอกมาจาก :: หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 1 คอลัมน์ มงคลข่าวสด วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 5988

พระกริ่งนวโกฏิ

พระกริ่งนวโกฏิ หมายถึงพระกริ่งรูปแบบหนึ่ง ที่คล้ายกับพระกริ่งทั่วไปคือ ทำเป็นรูปพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่บน ฐานบัว แต่ที่แตกต่างจากพระกริ่งทั่วไป คือ องค์พระจะปรากฎพระพักตรถึง 9 หน้า ด้วยกัน

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

test

ทดสอบ